เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เศษแก้วยังมีคม เศษคารมยังบาดจัย เศษเหล็กยังขายได้ เศษหัวจัยคัยจะเอา

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

แผนกการจัดการทั่วไป


เนื่องจากในบริษัทต้องมีหลายฝ่ายเช่น การตลาด การผลิต บัญชี การเงิน ฝ่ายบุคล ดังนั้นการจัดการจะเข้ามาช่วยควบคุม ดูแล ประสานงาน จากหลายๆฝ่าย การตั้งเป้าหมาย การประเมินผลการสื่อสารภายในองค์กร สาขานี้จำเป็นสอนทักษะความเป็นผู้นำ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าการบริหารคนอีกด้วย (เรียนสาขาเอาไปบริหารกิ๊กได้หรือป่าวหนอ) สาขานี้ไม่ได้เรียนให้เราเป็นลูกจ้างอย่างเดียวนะครับ ยังสอนและปลูกฝังการเป็นผู้ประกอบการอีกด้วย

จบการจัดการทำงานอะไร
ก็ทำงานได้ตั้งแต่พนักงานทั่วไป ธุรการ หรืออาจะคุมสาขาพวกห้างค้าส่ง ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายต่าง และก็สะสมประสมการต่าง และก็สามารถทำงานสายอื่นก็ได้เช่น การตลาด ฝ่ายบุคล หลังจากเราสะสมประสบการณ์เราก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการได้ครับ หรือบางคนจบแล้วก็นำกรบวนการคิดต่างๆไปประกอบธุรกิจส่วนตัวก็ได้นะครับ

มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการจัดการ
จุฬาลงกรณ์ เกษตรศาสตร์ ขอนแก่น ทักษิณ ธรรมศาสตร์ นราธิวาสราชนครินทร์ นเรศวร บูรพา มหาสารคาม มหิดล แม่โจ้ แม่ฟ้าหลวง วลัยลักษณ์ ศรีนครินทรวิโรฒ ศิลปากร สงขลานครินทร์ อุบลราชธานี


หลักจรรยาบรรณและหลักเกณฑ์การด ำเนินธุรกิจของ SMITH & NEPHEW
กว่า 150 ปีที่เราได้พัฒนาเครื่อง
มือทางการแพทย์ท่ที ันสมัยให้แก่
บุคลากรด้านการแพทย์และผู้ป่วยทั่ว
โลก ความริเริ่มในงานของเราช่วยให้
ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตเป็นปกติ
ได้อย่างรวดเร็วและอย่างเต็มที่
ในการด ำเนินงาน เราให้ความส ำคัญ
อย่างยิ่งกับประสิทธิภาพ นวัตกรรม
และความไว้วางใจ ความซื่อตรงเป็นรากฐานในการสร้างหลักเกณฑ์
การด ำเนินธุรกิจของเรา บริษัทของเรามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับด้าน
ความซื่อตรงและจรรยาบรรณในการท ำงาน ชื่อและผลิตภัณฑ์ของ
เราจึงได้รับความไว้วางใจในทุกที่ท่วั โลก เนื่องจากความส ำเร็จของ
เรามีส่วนเกี่ยวโยงกับชื่อเสียงของเราเป็นอย่างมาก เป็นหน้าที่ของ
พวกเราทุกคนที่จะต้องรักษาชื่อเสียงของบริษัทอย่างเต็มที่ ความรับ
ผิดชอบในการรักษาความไว้วางใจของลูกค้าจึงขึ้นอยู่กับเราทุกคน
ในการท ำงานแต่ละวัน
หลักจรรยาบรรณและหลักเกณฑ์การด ำเนินธุรกิจของเราได้รับ
การรับรองโดยกรรมการบริหารของบริษัท เพ่อื เป็นหลักเกณฑ์
ทางกฎหมายและด้านจรรยาบรรณเบื้องต้นส ำหรับพวกเราในการ
ด ำเนินธุรกิจ โดยมีผลกับพนักงานและบุคคลต่าง ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่
ให้กับเรา โดยเป็นข้อมูลส ำหรับพวกเราทุกคนเพ่อืช่วยในการปฏิบัติ
สารจากประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเรา
งานประจ ำวันให้เป็นไปตามที่คาดหวัง การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ
ซื่อตรงเป็นมากกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว ผู้ที่
ปฏิบัติงานกับเราควรระลึกเสมอว่าบริษัทมีความมุ่งหวังที่จะตอบ
สนองมาตรฐานด้านจรรยาบรรณอื่น ๆ ที่เป็นที่ยอมรับด้วย เราจึง
ควรปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจรรยาบรรณแม้ในกรณีที่ข้อกฎหมายเกิด
ความไม่ชัดเจน หรืออยู่ระหว่างการออกกฎหมายก็ตาม
ทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณนี้และขั้นตอนต่าง ๆ
ท่เีกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ต้องมีความซื่อตรงในการท ำงาน ไม่ว่า
จะเป็นในเรื่องของตัวเลข การแข่งขันหรือค ำสั่งใด ๆ ที่ได้รับจาก
หัวหน้างาน เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันในการปฏิบัติตามมาตรฐาน
เหล่านี้ เพ่อื สร้างชื่อเสียงในด้านความซื่อตรงของเรา
ขอขอบคุณท่ที ุกฝ่ายร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นนี้
ขอแสดงความนับถือ
Olivier Bohuon

1. หลักเกณฑ์การด ำเนินธุรกิจ
ก. ค่านิยม
Smith & Nephew ช่วยให้ผู้คนเป็นจ ำนวนมากมีโอกาสฟื้น
คืนชีวิตโดยผ่านการพัฒนาและจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องมือ
ทางการแพทย์ท่สี ร้างสรรค์และมีคุณภาพสูงท่ชี ่วยซ่อมแซม
แก้ไขหรือเยียวยารักษาร่างกายมนุษย์
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ผ่านการปรับใช้ค่านิยมองค์กรของเรา
ได้แก่ ประสิทธิภาพ นวัตกรรมและความเชื่อถือ ในการด ำเนิน
กิจกรรมประจ ำวันทางธุรกิจ
ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพในที่นี้หมายถึงการตอบสนองความต้องการของ
ลูกค้า บริษัทก ำหนดเป้าหมายและมาตรฐานที่จะต้องท ำให้
ส ำเร็จ เราพร้อมน ำเสนอคุณภาพและความคุ้มค่า เรามุ่งมั่น
ในการปรับปรุงการท ำงานอย่างต่อเนื่อง ท ำให้ลูกค้า ผู้ร่วมงาน
และผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และตัวบริษัทเอง
นวัตกรรม
เรามีความจริงจัง สร้างสรรค์และมุ่งม่นั ที่จะปรับปรุงการ
ท ำงานอย่างต่อเนื่อง บริษัทมองถึงอนาคต พิจารณาความ
ต้องการของลูกค้า และพร้อมก้าวผ่านอุปสรรค รวมทั้งมองหา
โอกาสต่าง ๆ ที่มี เราเรียนรู้จากความส ำเร็จและความผิดพลาด
รวมทั้งส่งเสริมและให้การสนับสนุนแนวคิดใหม่ ๆ
ความเชื่อถือ
ความเชื่อถือคือสิ่งที่ได้จากผลงานของเรา เราได้รับความเชื่อ
ถือผ่านความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ
ลูกค้า ผู้ร่วมงานและชุมชน โดยการรับฟัง ท ำความเข้าใจและ
ให้ความส ำคัญกับความต้องการของบุคคลต่าง ๆ และจาก
ความตรงไปตรงมาและยึดถือในสิ่งท่เีราให้สัญญาไว้ เรามีความ
ซื่อตรง มีจรรยาบรรณและมีความซื่อสัตย์ในการด ำเนินธุรกิจ
ข. ผู้เกี่ยวข้องในการด ำเนินงาน
เราให้ความส ำคัญกับสิทธิ์ของผู้เกี่ยวข้องในการด ำเนินธุรกิจ
ทุกภาคส่วน และพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่เปิดกว้าง
ซื่อตรงและมีความสร้างสรรค์ระหว่างกัน
บริษัทส่งเสริมการด ำเนินงานอย่างมีจรรยาบรรณ และใส่ใจ
ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรการ
ทางการเงินในการวางแผนงานและตัดสินใจใด ๆ ทางธุรกิจ
พนักงาน
เราพร้อมที่จะจัดสถานท่ปี ฏิบัติงานที่เปิดกว้าง ท้าทาย มี
ประสิทธิภาพและเปิดรับการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความ
สัมพันธ์ในการท ำงานอย่างสร้างสรรค์ บริษัทมีช่องทางการ
สื่อสารท่ดี ีกับพนักงาน ผ่านระบบข้อมูลและการให้คำ ปรึกษา
ท่สี ม่ำ เสมอและรวดเร็ว
บริษัทมีเป้าหมายและมาตรฐานในการท ำงานที่ชัดเจน รวม
ทั้งมีการจัดการฝึกอบรม ให้ข้อมูลและมอบหมายหน้าที่
สอดคล้องกับงานเพ่อื ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้
บริษัทยังมีระบบการชมเชยและรางวัลส ำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มี
ผลงานโดดเด่น เราพร้อมร่วมมือกับพนักงานของบริษัทเพื่อ
พัฒนาความสามารถและทักษะความช ำนาญของผู้ปฏิบัติงาน
และส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง รวมทั้งการเข้า
ร่วมกิจกรรมด้านการพัฒนาต่าง ๆ
บริษัทคัดสรร จัดจ้างและเล่อืนขั้นผู้ปฏิบัติงานตามคุณสมบัติ
และความสามารถที่จ ำเป็นส ำหรับงานท่เีกี่ยวข้อง บริษัทไม่
ยอมรับการกีดกันใด ๆ และพร้อมให้โอกาสในการแสดงผล
งานอย่างเท่าเทียมกัน
บริษัทพร้อมเปิดกว้างส ำหรับความหลากหลายในการปฏิบัติ
งาน รวมทั้งให้ความเชื่อใจและให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานทุกคน
เพ่อื ให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความรับผิดชอบในผลงานของตน
และชื่อเสียงของบริษัท
บริษัทมุ่งมั่นที่จะจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการท ำงานที่เอื้อต่อ
สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานทุกคน บริษัทก้าว
มาถึงจุดนี้ได้ด้วยการให้ความมั่นใจว่าจะมีการบริหารจัดการ
สถานท่ปี ฏิบัติงานที่ดีต่อสุขภาพและความปลอดภัย อันเป็น
ปัจจัยส ำคัญประการหนึ่งในการด ำเนินธุรกิจ นอกจากนี้บริษัท
ยังตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานว่าเป็นส่วนส ำคัญ
ต่อเป้าหมายนี้ด้วยเช่นกัน
บริษัทไม่ยอมรับการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับขู่เข็ญใน
ทุกรูปแบบ
บริษัทให้การสนับสนุนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ของสหประชาชาติ ซึ่งครอบคลุมไปถึงสิทธิของบุคคล ศักดิ์ศรี
และความเป็นส่วนตัว รวมทั้งสิทธิ์ของพนักงานในการคบค้า
สมาคม ในการแสดงความเห็นและแสดงออก

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำตกไนแอการา





น้ำตกไนแอการา (อังกฤษ: Niagara Falls ; ฝรั่งเศส: les Chutes du Niagara) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก

น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ

แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนตาริโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์


อ้างอิง
แหล่งข้อมูลใดที่ควรใช้เป็นแหล่งอ้างอิงดูบทความหลักที่ วิกิพีเดีย:การพิสูจน์ยืนยันได้
แหล่งข้อมูลควรเป็นของบุคคลที่สามที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเนื้อหา ไม่ควรอ้างอิงเว็บบล็อก เว็บบอร์ด เว็บไซต์ส่วนตัว

ปัญหาน้ำท่วม



๑. ปัญหาและสาเหตุของการเกิดน้ำท่วม

ฝนตก...น้ำหลาก...น้ำท่วม

ปรากฏการณ์นี้เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานานและนับวันดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงเหมือนแผ่นดินไหวหรือไฟไหม้ แต่ก็ทำให้มีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากในหลายๆเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หรือเช่นกรณีที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ได้แก่ สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา เป็นต้น

หากลองวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในบ้านเราที่กำลังประสพกันอยู่ก็จะพบว่าน่าจะมาจากสาเหตุต่างๆดังนี้ คือ



๑. ๑ ปริมาณฝนที่ตกหนักถึงหนักมากติดต่อกันในช่วงฤดูฝน

จากการที่ประเทศไทยของเราตั้งอยู่ในเขตมรสุม(Moonsoon) มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนึอสลับกันพัดผ่านเกือบตลอดปี อิทธิพลของลมมรสุมทั้งสองได้ก่อให้เกิดผลต่างกันดังนี้ คือ

อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดจากมหาสมุทรอินเดียหรืออ่าวเบงกอลในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมไปจนถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม จะก่อให้เกิดฝนตกหนักกระจายเกือบทั่วทุกภาคของประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกที่อาจมีฝนตกประปรายเพราะมีเทือกเขาตะนาวศรีปิดกั้นอิทธิพลมรสุมเอาไว้ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเรียกว่าฤดูฝนของประเทศไทย

ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งพัดมาจากแถบไซบีเรียในช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์แม้จะก่อให้เกิดฤดูหนาวขึ้นในส่วนตอนบนของประเทศแต่ก็ก่อให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรถึงนราธิวาสเกือบทุกปีเช่นเดียวกัน

นอกจากฝนที่เกิดจากลมมรสุมทั้งสองดังที่กล่าวแล้ว ยังมีอิทธิพลอื่นๆที่สำคัญ ได้แก่ อิทธิพลของร่องความกดอากาศ(Through) อิทธิพลของพายุหมุนหรือหย่อมความกดอากาศต่ำ(Depression)ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ดังนั้น เมื่อผสมรวมกันจึงทำให้ฝนตกต่อเนื่องโดยเฉลี่ยประมาณ ๑๕๐๐ มิลลิเมตรต่อปีและเป็นสาเหตุหรือที่มาของการเกิดน้ำหลาก น้ำท่วมอย่างรุนแรง



๑.๒ การขยายตัวอย่างขาดการวางแผนของชุมชนเมืองต่างๆทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

ในอดีตมักมีการตั้งบ้านเรือนหรือชุมชนต่างๆตามริมแม่น้ำเพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่ด้วยภูมิปัญญาของคนยุคก่อนที่เฝ้าสังเกตุและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ดังนั้น การสร้างบ้านเรือนริมน้ำจึงมักมีการยกใต้ถุนสูงให้ตัวบ้านพ้นระดับน้ำหลากสูงสุดที่เคยท่วมเพื่อหนีปัญหา และแม้น้ำจะท่วมใต้ถุนเรือนก็ไม่เดือดร้อนเพราะมีเรือพายหรือเรือแจวช่วยในการสัญจรไปไหนมาไหนได้ แถมยังมีการจัดงานรื่นเริง เช่น การเผาเทียนเล่นไฟเป็นที่สนุกสนานไม่ทุกข์ร้อน

เวลาผ่านไปชุมชนดังกล่าวมีการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น แต่มาระยะหลังผู้คนใส่ใจและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติน้อยลงและหันไปใส่ใจกับเศรษฐกิจและความมั่งคั่งตามวิถีตะวันตกมากขึ้น วิถีชีวิตและความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป สภาพบ้านเรือนเปลี่ยนจากวิถีไทยแบบบ้านมีใต้ถุนสูงไม่เดือดร้อนแม้ถูกน้ำท่วมมาเป็นสไตล์ยุโรปหรือตะวันตก เน้นความสวยงามของรูปทรงที่แปลกตาทั้งบ้านชั้นเดียว บ้านสองชั้นที่เห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันโดยทุกคนมิได้ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต



๑.๓ การถมที่สร้างบ้านจัดสรรหรือขยายเมืองไปในทิศทางที่เป็นที่ต่ำหรือที่ลุ่ม

มีการสร้างบ้านจัดสรรโดยการเอาดินไปถมที่ลุ่มที่ราคาถูกแล้วสร้างบ้านขายในราคาแพง บ้านจัดสรรยุคก่อนๆที่ถมที่ลุ่มสร้างเสร็จใหม่ๆน้ำไม่เคยท่วมเพราะข้างเคียงหรือรอบๆยังมีแหล่งรองรับน้ำฝนเอาไว้ได้อย่างพอเพียง แต่เมื่อคนอื่นๆมองเห็นโอกาสของความมั่งคั่งบ้างต่างก็เร่งถมเร่งสร้างและทุกคนก็กะหนีเอาตัวรอดโดยการถมที่ของตัวเองให้สูงกว่าข้างเคียงเข้าไว้ คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างขอที่ของตัวเองน้ำไม่ท่วมเป็นใช้ได้

ดังนั้น เมื่อที่รองรับน้ำถูกถมกลายเป็นบ้านจัดสรรอย่างขาดการวางแผนและควบคุม เมื่อฝนตกหนักจึงทำให้เกิดการท่วมขังและแน่นอนว่าหากระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพด้วยแล้วปัญหาก็จะยิ่งหนักหน่วงและรุนแรงซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จะถูกน้ำท่วมได้ง่าย



๑.๔ ขาดการวางแผนและการใช้มาตรการในการป้องปรามทางด้านกฎหมาย

เช่นกฎหมายผังเมืองรวม ของแต่ละจังหวัด อำเภอ หรือเทศบาล ไม่มีความสอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพหรือไม่อย่างไร เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย เช่น การตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการหลากเร็วขึ้น การก่อสร้างถนนหนทางขวางทางน้ำหลากและมีการระบายน้ำไม่เพียงพอ การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่แก้มลิงตามธรรมชาติไปทำประโยชน์อย่างอื่นเนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น การที่ไม่มีการก่อสร้างเขื่อน เป็นต้น



๒. แนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน

ปัญหาทั้งหมดดังที่กล่าวข้างต้นนั้นหากปล่อยให้ดำรงอยู่และดำเนินเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าความรุนแรงและความเสียหายก็จะทับทวีและมีความซับซ้อนของปัญหามากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย หรือหากจะปล่อยให้แต่ละฝ่ายแต่ละหน่วยงาน เช่น อบต.หรือเทศบาลที่ประสบปัญหาต่างไปดำเนินการก็คงไม่สำเร็จ และอาจทำให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดินอย่างไม่คุ้มค่า หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่อื่นๆตามมาอย่างคาดไม่ถึง ทั้งนี้เพราะปัญหาเรื่องน้ำแตกต่างจากปัญหาอื่นโดยสิ้นเชิงตรงที่ไม่สามารถแก้ไขเฉพาะแห่งหรือเฉพาะจุดได้ เพราะลำน้ำมีความยาวและมีการไหลผ่านพื้นที่หรือชุมชนต่างๆต่อเนื่องกันไป ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมหรืออุทกภัยจะต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องน้ำโดยเฉพาะโดยจะต้องศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งลุ่มน้ำเลยทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ควรจะดำเนินการเรื่องนี้เป็น วาระแห่งชาติ โดยเร่งด่วนที่สุด

แต่ในเบื้องต้นใคร่ขอเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาซึ่ง ณ ขณะนี้มี ๒อย่าง คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและดำรงอยู่ในปัจจุบัน กับปัญหาที่ยังไม่เกิดแต่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตหากไม่มีมาตรการป้องกันดัง

ฤดูกาลของไทย




ฤดูกาลในประเทศไทย

1. ฤดูหนาว
เป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้ามาสู่ไทย ระยะเวลาประมาณ สี่เดือน อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างเย็น ยกเว้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นที่สูง จะมีอากาศหนาวกว่าภาคอื่นๆ ช่วงเดือน พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

2.ฤดูร้อน
เป็นช่วงที่ลมมรสุมกระแสลมทะเลจีนใต้พัดเข้ามา สู่ประเทศไทยจากทางทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ ระยะเวลาประมาณ สามเดือน ในระยะนี้ดวงอาทิตย์ได้โคจรส่องแสงมาตั้งฉากกับประเทศพอดี ทำให้อากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะเดือนเมษายนจะอุณหภูมิสูงสุดของปี ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

3.ฤดูฝน
เป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกพัดเข้ามาสู่ประเทศไทย ระยะเวลาประมาณ 5 เดือนอากาศโดยทั่วไปจะชุ่มชื้น และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศ โดยฝนตกชุกในเดือนสิงหาคม-กันยายน
หน้าฝนจะอยุ่ในช่วงเดือน มิถุนายนถึงตุลาคม


สัญญาณหรือสาเหตุที่ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง

1.กระแสลมและฝน
กระแสลม คือ การเคลื่อนที่ของมวลอากาศที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา เพราะในบริเวณต่างๆมีความกดอากาศไม่เท่ากัน กล่าวคือถ้าบริเวณใดได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์มาก อากาศบริเวณนั้นก็จะร้อนมีความกดอากาศต่ำและขยายตัวลอยสูงขึ้น อากาศจากบริเวณอื่นซึ่งมีความกดอากาศสูงกว่าและมีอุณหภูมิต่ำกว่าก็เคลื่อนเข้ามาแทนที่ เราจึงเรียกอากาศที่เคลื่อนที่นี้เรียกว่ากระแสลม
ฝน เกิดจากการเคลื่อนที่ของลมจากที่ที่มีความกดอากาศต่ำกว่าและถ้ากระแสลมเคลื่อนที่ผ่านทะเลหรือมหาสุมทร ก็จะหอบเอาความชื้นและละอองน้ำไปเมื่อมากระทบกับความเย็นก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ตกลงมาเป็นฝน

2.ความกดอากาศ
เนื่องจาก พื้นโลกแต่ละแห่งมีค่าความกดอากาศไม่เท่ากัน รวมทั้งความกดอากาศก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอกเวลาขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศนี้ จะส่งผลต่อสภาพอากาศ ทำให้อากาศมักจะแปรปรวนในบริเวณที่กดอากาศต่ำ เช่น เกิดลมพายุ มีฝนตกหนัก และอากาศค่อนข้างเย็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูง เช่น ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเมฆฝน ส่วนเครื่องมือที่ใช้วัดความกดอากาศ เรียกว่า บารอมิเตอร์ และบารอกราฟ

3)อุณหภูมิ
คือ ระดับความหนาว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่นกลางวัน อุณหภูมิ จะสูงกว่าเวลากลางคืน เพราะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้กลางวันมีอากาศร้อน นอกจากนี้อุณหภูมิเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ได้แก่ ลม พายุ หมอก น้ำค้าง เมฆ

4) ความชื้น
ความชื้น คือ ปริมาณไอน้ำในอากาศ หรือความสามารถของอากาศที่จะรับไอน้ำเอาไว้ได้ ซึ่งความชื้นนี้จะเปลี่ยนไปตามวัน เวลา และสถานที่

ความชื่นในอากาศ มีความสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตของเรา เช่น วันที่อากาศชื้น เราจะรู้สึกเหนียวตัวและอึดอัด เพราะมีอากาศมีความชื้นมากทำให้รับปริมาณไอน้ำได้น้อย เหงื่อของเราก็ระเหยได้น้อย แต่ถ้าวันที่อากาศแห้ง เราจะรู้สึกเย็นจนบางครั้งทำให้ผิวหนังแห้งและแตกเนื่องจากเหงื่อของเราระเหยได้มาก เครื่องวัดความชื้นในอากาศ เรียกว่า ไฮกรอมิเตอร์(Hygrometer) ที่นิยมใช้คือแบบกระเปาะเปียก-กระเปาะแห้ง

ลมต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ลม คือ มวลอากาศที่เคลื่อนที่ โดยมวลอากาศนี้จะเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำไปสู่บริเวณที่มีอุณหภูมิสูงเสมอ
ประเภทของลมมี 3 ประเภท คือ

1. ลมประจำเวลา
ลมบก เกิดเวลากลางคืน ลักษณะการเกิด เป็นลมที่พัดจากฝั่งสู่ทะเล เนื่องจากพื้นดินคลายความร้อนได้เร็วกว่าน้ำ ทำให้อุณหภูมิของอากาศเหนือผิวน้ำสูงกว่าพื้นดิน มวลอากศจึงเคลื่อนจากฝั่งสู่ทะเล
ลมทะเล เกิดในเวลากลางวัน ลักษณะการเกิด เป็นลมที่พัดจากทะเลสู่ฝั่ง เนื่องจากพื้นดินรับความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้เร็วกว่าน้ำทำให้อุณหภูมิของอากาศเกหนือพื้นดินสูงกว่าพื้นน้ำมวลอากาศเย็นจากทะเลจึงเคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง

2.ลมประจำฤดู
ลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ หรือลมมรสุมฤดูร้อน พัดจากมหาสุมทรอินเดียขึ้นสู่ทวีปเอเชีย โดยพัดผ่านประเทศไทยช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ซึ่งขณะที่ลมมรสุมนี้พัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย ก็นำไอน้ำหรือความชื้นจากบริเวณนั้นมาสู่บริเวณที่พัดผ่าน ทำให้มีฝนตก
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือลมมรสุมฤดูหนาวพัดจากประเทศจีนลงมาจนถึงบริเวณอ่าวไทยตอนใต้ โดยจะพัดในราวเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งบริเวณประเทศจีนจะมีอากาศเย็นมากทำให้ลมมรสุมนี้พัดเอาอากาศเย็นมาด้วย เมื่อพัดผ่านบริเวณใดบริเวณนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นมาก

3.ลมประจำถิ่น
ลมตะเภา เป็นลมที่พัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากอุณหภูมิของอากาศบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่อนข้างสูงทำให้เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำส่วนบริเวณอ่าวไทยอากาศจะเย็นกว่า มีลักษณะเป็นหย่อมความกดอากาศสูง จึงทำให้มวลอากาศเคลื่อนที่จากอ่าวไทยเข้าสู่ดิน ถึงแม้ลมที่พัดมานี้จะมีความแรงไม่มาก แต่ก็ช่วยบรรเทาความร้อนในอากาศในช่วงฤดูร้อนไปได้บ้าง ในสมัยก่อนพ่อค้าเรือสำเภาได้อาศัยลมตะเภาแล่นใบพาเรือมาเข้าสู่ปากอ่าวไทยได้สะดวก จึงขนามนามเรียกนี้ว่า ลมตะเภา
ลมว่าว เป็นลมที่พัดลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากการเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำชั่วคราวขึ้นในแถบอ่าวไทย ทำให้มวลอากาศจากพื้นดินเคลื่อนออกสู่ทะเล ลมว่าว ถือเป็นลมเย็นเวลาที่พัดผ่านมาจึงทำให้อุณภูมิของอากาศต่ำลง ลมว่าว จะพัดในช่วงที่ข้าวเบา กำลังออกรวงจึงเรียกลมนี้อีกอย่างว่า ลมข้าวเบา


ที่มาและได้รับอนุญาตจาก :
มูลนิธิคณะลูกเสือแห่งชาติ. ลูกเสือ - เนตรนารี ป.5. พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์

บรรยกาศของร้านจันผา

ด้วยบรรยากาศทะเลสวย ริมผา ฟ้าใส เหมาะแก่การรับประทานอาหารสำหรับผู้ที่เดินทาง

ไปพักผ่อน สัมมนา หรือกลับจากการตีกอล์ฟ ที่พัทยา ศรีราชา สัตหีบ หรือสถานที่ใกล้เคียง

นอกจากนี้ ร้านครัวทะเลจันผายังรับบริการจัดงานเลี้ยงในโอกาสพิเศษต่างๆ ของท่าน เช่น

งานฉลองมงคลสมรส, งานฉลองรับปริญญา หรือเลี้ยงสังสรรค์เป็นหมู่คณะ เป็นต้น


ที่มา ร้านจันผา

ภูเขาไฟ







ภูเขาไฟ เป็นธรณีสัณฐาน (โดยทั่วไป คือ ภูเขา) ที่หินหนืด (หินภายในโลกที่ถูกหลอมเหลวด้วยความดันและอุณหภูมิ
สูง) ปะทุผ่านขึ้นมายังพื้นผิวของดาวเคราะห์ แม้ว่าเราจะสามารถพบภูเขาไฟได้หลายแห่งบนดาวเคราะห์หินและดาวบริวารในระบบสุริยะ แต่บนโลก ภูเขาไฟมักเกิดขึ้นใกล้กับแนวรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีภูเขาไฟที่เป็นข้อยกเว้น เรียกว่า ภูเขาไฟจุดร้อน

วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับภูเขาไฟ เรียกว่า วิทยาภูเขาไฟ (vulcanology หรือ volcanology)

เนื้อหา
1 การจำแนกภูเขาไฟตามรูปร่าง
2 ผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟ
3 ภูเขาไฟในประเทศไทย
4 วิธีป้องกันตัวขณะภูเขาไฟระเบิด
5 แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกภูเขาไฟตามรูปร่างปกติจะมีการจำแนกภูเขาไฟตามรูปร่าง ตามส่วนประกอบที่ทำให้เกิด และชนิดของการประทุ โดยสรุปแล้วเราจะจำแนกภูเขาไฟได้ 3 ลักษณะคือ

กรวยภูเขาไฟสลับชั้น (Composite Cone Volcano) เป็นภูเขาไฟซึ่งเกิดจากการสลับหมุนเวียนของชั้นลาวา และเศษหิน ภูเขาไฟชนิดนี้อาจจะดันลาวาไหลออกมาเป็นเวลานาน และจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการประทุอย่างกระทันหัน ภูเขาไฟชนิดนี้ที่มีชื่อ เช่น ภูเขาไฟฟูจิ (ญี่ปุ่น), ภูเขาไฟมายอน (ฟิลิปปินส์) และ ภูเขาไฟเซนต์เฮเลน (สหรัฐฯ)
ภูเขาไฟรูปโล่ (Shield Volcano) เป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ โดยพื้นฐานแล้วภูเขาไฟชนิดนี้เกิดจาก ลาวาชนิดบาซอลท์ที่ไหลด้วยความหนืดต่ำ ลาวาที่ไหลมาจากปล่องกลาง และไม่กองสูงชัน เหมือนภูเขาไฟชนิดกรวยสลับชั้น ภูเขาไฟชนิดนี้มักจะเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ เช่น ภูเขาไฟ Muana Loa (ฮาวาย)
กรวยกรวดภูเขาไฟ (Cinder Cone) ภูเขาไฟชนิดนี้จะสูงชันมาก และเกิดจากลาวาที่พุ่งออกมาทับถมกัน ลาวาจะมีความหนืดสูง การไหลไม่ต่อเนื่อง และมีลักษณะเป็นลาวาลูกกลมๆ ที่พุ่งออกมาจากปล่องเดี่ยว และทับถมกันบริเวณรอบปล่อง ทำให้ภูเขาไฟชนิดนี้ไม่ค่อยก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตมากมาย
ผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟ บทความนี้อาจต้องการพิสูจน์อักษร ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้

แรงสั่นสะเทือน มีทั้งการเกิดแผ่นดินไหวเตือน แผ่นดินไหวจริง และแผ่นดินไหวติดตาม ถ้าประชาชนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเชินภูเขาไฟอาจหนีไม่ทันเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
การเคลื่อนที่ของลาวา อาจไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟเคลื่อนที่รวดเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มนุษยและสัตว์อาจหนีภัยไม่ทันเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
เกิดเถ้าภูเขาไฟ บอมบ์ภูเขาไฟ ระเบิดขึ้นสู่บรรยากาศ ครอบคลุมอาณาบริเวณใกล้ภูเขาไฟ และลมอาจพัดพาไปไกลจากแหล่งภูเขาไฟระเบิดหลายพันกิโลเมตร เช่น ภูเขาไฟพินาตูโบระเบิดที่เกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์
ฝุ่นภูเขาไฟยังมาตกทางจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดสงขลา นราธิวาส และปัตตานี เกิดมลภาวะทางอากาศและแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน รวมทั้งฝุ่นภูเขาไฟได้ขึ้นไปถึงบรรยากาศขั้นสตราโตสเฟียร์ ใช้เวลานานหลายปี ฝุ่นเหล่านั้นตึงจะตกลงบนพื้นโลกจนหมด

เกิดคลื่นสึนามิ ขณะเกิดภูเขาไประเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร คลื่นนี้จะโถมเข้าหาฝั่งสูงกว่า 30 เมตร
หลังจากภูเขาไฟระเบิด เถ้าภูเขาไฟจะถล่มลงมา ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงถูกทำลาย
ภูเขาไฟในประเทศไทยภูเขาไฟดอยผาคอกจำป่าแดด และปล่องภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู จังหวัดลำปาง
ภูเขาพระอังคาร ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
ภูเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย
ภูเขาพนมสวาย(วนอุทยานพนมสวาย) จังหวัดสุรินทร์ สถิติอยู่ที่ 52 ครั้ง
ภูเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์
วิธีป้องกันตัวขณะภูเขาไฟระเบิดสวมเสื้อคลุม กางเกงขายาว ถุงมือเพื่อป้องกันเถ้าภูเขาไฟและความร้อนจากการระเบิด
ใส่หน้ากากอนามัย แว่นตาทุกชนิดเพื่อป้องกันเถ้าภูเขาไฟ
เตรียมเสบียง ยารักษาโรค เครื่องใช้ที่จำเป็นรวมทั้งเครื่องมือสื่อสารเช่นโทรศัพท์ วิทยุFM,AM
ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างเคร่งครัดและเมื่อทางการสั่งอพยพให้อพยพออกจากพื้นที่ทันทีอาจไปรวมตัวกันที่สถานที่หลบภัยทันที
ไม่ควรหลบอยู่ในอาคารสิ่งก่อสร้างเพราะอาจถล่มลงมาจากแผ่นดินไหวหรือเถ้าภูเขาไฟ
แหล่งข้อมูลอื่นVolcanoes ที่ ดีมอซ
Volcano Eruptions, Ancient & Modern slideshow by Life magazine
Volcano, U.S. Federal Emergency Management Agency (FEMA)
Volcano World
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
ภู

12 ข้อคิด เพื่อชีวิตที่ดีของการทำงาน

12 ข้อคิด เพื่อชีวิตที่ดีของการทำงาน
โดย paaying
1. มนุษย์สัมพันธ์: ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพื่อนๆที่ทำงานไม่ชอบ ไม่อยากคุยด้วย หรือ เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานไม่ได้เลย คงต้องถึงเวลาพิจารณา และ ปรับปรุง ทักษะด้านสัมพันธ์กันเร่งด่วนแล้วละคะ อย่ามัวแต่หลอกตัวเองว่า เราดีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเราดีจริงแล้วเราจะไม่มีเพื่อนเอาเลยหรือคะ มนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์สัมพันธ์คุณแย่มากๆ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และ แน่นอนคุณเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่น

และถ้าคนในองค์กรคุณยังไม่สามารถทำได้ดี ก็คงลำบากถ้าจะให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณจะสามารถทำได้ดีกับคนภายนอกองค์กร เพราะฉะนั้น เรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ในองค์กรกันก่อนดีกว่านะคะ

2. ทีม: คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่า คุณทำงานเป็นทีมได้ดีแค่ไหน หรือว่า ต้องทำงานคนเดียวถึงจะดี?

ในอนาคต การทำงานจะเน้นบุคคลที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่ชอบทำงานคนเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า ในขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกา มีคอร์สฝึกสอนการทำงานเป็นทีมเพื่อรองรับความต้องการตลาดแรงงานในอนาคต ทำไมต้องเน้นเป็นทีมนะหรือคะ? ก็ต่อไปโลกเราก็จะแคบลงเพราะการพัฒนาในด้านต่างๆมีมากขึ้น การทำงานก็ต้องเป็นทีมมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้มีทักษะในการทำงานเป็นทีม และ เป็นผู้ร่วมทีมที่ดีจะเป็นข้อจำเป็นในการทำงานทุกที่

3. Committed: หรือ ข้อตกลงในการทำงานระหว่างคุณกันคนอื่นๆไงคะ นึกไว้เสมอเลยนะคะว่า อะไรที่คุณรับปากกับใครก็แล้วแต่ คุณต้องรับผิดชอบ และ ทำให้ได้ตามที่รับปาก ถ้าไม่ได้ หรือว่าล่าช้ากว่าที่เรารับปาก คุณต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่บุคคลที่คุณรับปากอย่างน้อยสองหรือสามวัน อันนี้เป็นมารยาททางการทำงานที่ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับปากใครในเรื่องของการทำงาน คิดให้รอบคอบก่อนนะคะ

4. ฉันเป็นฉันเอง: ประเภทสาวมั่น หนุ่มมั่น ที่เราอาจจะเห็นจากทีวี หรือ ภาพยนตร์ ถ้าจะนำมาใช้คุณต้องดูเวลา และ สถานที่ให้ดีก่อนนะคะ ไม่งั้นแทนที่จะช่วยเสริมให้คุณดูดี มีภาพพจน์ กลับจะทำลายอนาคต ทางการทำงานของคุณไปเลย หลักการที่ดี ก็คือ ดูบุคคลที่เราติดต่อด้วย และ จะมั่นใจอะไร ก็ควรกระทำอย่างพอดี และเราจะเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นคนมีมารยาท และประสบความสำเร็จในการติดต่อทางธุรกิจ

ในความเป็นจริงการติดต่อธุรกิจ คุณไม่สมควรใช้เหตุผลของสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นมาใช้มากกว่าการเป็นคนเรียบร้อยมีมารยาท เพราะฉะนั้นข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะคะ ใช้ให้ถูกที่ และ ถูกเวลา

5. ขออยู่เงียบๆคนเดียว: ข้อนี้สำคัญมาก อย่าพยายามทำตัวไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักใคร เพราะสุดท้ายคุณจะเวียนไปหัวข้อแรก และ แน่นอน คุณจะเป็นคนแรกที่ทุกคนลืม อย่าเป็นคนที่เครียดง่าย สนุกยาก ใครๆเข้าหายาก คงจะดีกว่า ถ้าคุณจะทำตัวเป็นคนที่ยิ้มง่าย และ เป็นมิตรกับทุกคน เวลาเศร้า เก็บไว้กับคนสนิท และรู้ใจดีกว่านะคะ

6. ธุระส่วนตัว: ธุระทุกประเภทที่เป็นส่วนตัวของคุณ คุณอย่าใช้เวลาทำงานมาทำเป็นอันขาดเชียวนะคะ จำไว้เลยนะคะ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เฉพาะลูกค้าที่จะโทรติดต่อเรื่องงาน อย่าให้เบอร์ที่ทำงานกับเพื่อนหรือแฟน แล้วก็คุยกันนอกเรื่องกันเป็นวันๆ รับรองได้ว่า อนาคตทางการงานของคุณคงจะไม่รุ่งแน่นอน เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการทำงานบางท่านถึงกับตั้งกฎไว้กับตัวเองเลยก็มีว่า ในชั่วโมงการทำงาน เขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ใช่งาน เช่น ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ไปธนาคาร สำหรับธุระส่วนตัวก็จะใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลางานเท่านั้น

7. ความรัก: ไม่ได้เด็ดขาดสำหรับความคิดที่จะมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน จริงๆคุณก็ทำได้ แต่รับรองได้ว่า มันจะทำลายอนาคตการทำงานของคุณ เพราะทุกคนจะมองเหมือนจับผิดว่าคุณใช้เวลาในการทำงาน มาสร้างตำนานรักมากกว่า อย่าเสี่ยงจะดีกว่านะคะ

8. เป้าหมาย: เป้าหมาย และ เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้านายของคุณ ถ้าคุณทำงานแบบมีเป้าหมายว่า งานแต่ละอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณมีแผนการเสร็จเมื่อไหร่ คุณมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่หัวหน้า หรือ บริษัทตั้งเป้า ถึงคุณจะทำไม่ได้จริง [แต่คุณต้องพยายามเต็มที่แล้วนะ] รับรองได้ว่า หัวหน้าคุณคงมองคุณแบบไม่ธรรมดา และจะเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่ระวังอย่าใช้เป้าหมายมาพูดและทำไม่เคยได้เลย เพราะจะกลายเป็นการคุยอวดมากกว่า

9. บุคลิก: สุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ยังคงใช้ได้ดีเสมอ บุคลิก และ การแต่งกาย เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะช่วยกำหนดความสำเร็จทางการทำงานของคุณ อย่าพยายามแต่งกายมากเกินไป หรือ น้อยเกินไป และที่สำคัญ อย่าแต่งกาย แบบที่ไม่ใช่คุณ คุณอาจจะเห็นดารา นางแบบ ใส่เสื้อตัวหนึ่งสวย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะสวยเหมือนนางแบบถ้าคุณเอามาใส่ การแต่งกายที่ดี สำหรับการทำงาน ก็คือ สุภาพ และ โชว์บุคลิกเฉพาะของคุณออกมา

ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า แต่งกายแบบไหนเหมาะกับคุณ ขอแนะนำให้ถามคนที่คุณสนิท และจริงใจกับคุณ คุณก็จะได้แนวการแต่งกายที่เหมาะกับคุณ หรือถ้ามีตังค์ก็อยากแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ก็ต้องระวังนะคะ หลายสถาบันสอนบุคลิกภาพ ชอบสอนให้แต่งตัวแบบเหมือนๆกันหมด จนบังความมีเสน่ห์ของคุณไปเลยก็ได้ ดีไม่ดีกลายเป็นหุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่าไปเข้าสถาบันสอนบุคลิกภาพที่ไหนมา ทางที่ดีต้องปรึกษาหลายคนๆก่อนตัดสินใจนะคะ

10. หัวหน้า: หัวหน้าก็คือหัวหน้า อันนี้คุณต้องระวังอย่างมาก อย่าทำตัวสนิทกับหัวหน้า จนคุณเผลอ ทำตัวไม่เคารพ หรือ เผลอเล่นจนเกินงาม สำหรับหัวหน้า สิ่งที่ดีและ เป็นประโยชน์กับคุณมากที่สุด ก็คือ การให้เกียรติ และ แน่นอน ทุกครั้งที่คุณอยู่กับหัวหน้า หน้าที่หลักของคุณคือ การทำให้หัวหน้าของคุณ ดูดี อยู่เสมอในสายตาผู้อื่น จะด้วยคำพูด การกระทำ คุณก็ไม่มีสิทธ์ทำให้หัวหน้าของคุณกลายเป็นตัวตลก เสียหน้า หรือ ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น โดยเด็ดขาด

11. นินทา: อย่าได้เผลอตัวไปอยู่ในกลุ่มของการนินทาใดๆในที่ทำงานโดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หรือดีไม่ดี กลายเป็นผู้เริ่มการนินทา โดยคุณไม่ได้ทำ ถ้าคุณต้องเจอภาวะการณ์คุยแบบไม่ได้ประโยชน์ หรือ การนินทาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางออกที่ดีของคุณก็คือ อย่าพูดเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย โดยเด็ดขาด คุณทำได้แค่ นั่งฟัง โดยไม่ออกความคิด ให้บอกว่าไม่แน่ใจ หรือ ไม่รู้ หรือขอตัวออกจากวงสนทนา อ้างว่าไปห้องน้ำหรือมีธุระต้องทำ ที่นี้คุณก็ไม่เสียเพื่อน และ ก็ไม่เสียงานอีกต่างหาก

12. สร้างสรรค์: หัวใจของความสำเร็จทางการทำงาน คือ ความคิดสร้างสรรค์ อย่าพยายามเป็นคน ใครว่าอะไร ฉันก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องเถียง หรือ โต้แย้ง ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล หรือ ยังไม่กล้าพูด แต่ คุณต้องพยายามฝึกสมองของคุณให้คิดในแบบของคุณอยู่เสมอ ทุกการทำงานของคุณ คุณต้องพยายามคิดว่า คุณจะทำอะไรเพิ่มเติมให้งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ดีขึ้น สะดวกขึ้นกว่าเดิมได้ไหม หลักของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ง่ายๆ ก็คือ กล้าคิด คิดให้บ่อย คิดให้มาก และคุณก็จะเป็นคนคิดสร้างสรรค์

ทั้งหมด 12 ข้อ เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกอยู่เสมอในการทำงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานของเราให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ที่นี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่า นอกจากเราจะเก่งงานที่รับผิดชอบ เรายังเก่งในการเป็นเพื่อน และ ผู้ทำงานที่ดีขององค์กรด้วย

เป็นบทความที่ดีมากอีกบทความหนึ่ง ก็ขอฝากไว้ให้กับคนทำงานทุกคน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทำงาน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นะคะ

สร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างความคิดที่ดี ชีวิตการทำงานก็จะเป็นสุข